วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

4 ระดับของการกำจัดคราบสนิมในห้องน้ำให้หมดไป !

4 ระดับของการกำจัดคราบสนิมในห้องน้ำให้หมดไป !




  วิธีกำจัดคราบสนิมในห้องน้ำ ที่ไล่ตามลำดับความหนักของคราบสนิม ทั้งแบบเบา ๆ ไปจนถึงแบบฝังลึก ถ้าอยากรู้ว่าคราบสนิมในห้องน้ำ ต้องกำจัดออกอย่างไรก็ตามไปชมกันเลย

          หากรอยยิ้มของแขกเลือนหายไปจากใบหน้าหลังเข้าห้องน้ำที่บ้านเรา ขอให้เดาไว้เลยว่าตัวการที่แท้จริงคือ คราบสนิมจากแร่ธาตุในน้ำที่คอยอยู่ตามพื้นและชักโครกในห้องน้ำ ถ้าปล่อยไว้นานต้องเป็นอันตรายแน่ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องกำจัดให้สิ้นซากกันไปด้วยเคล็ดลับดี ๆ จากเว็บไซต์ doityourselfเพื่อให้เราพร้อมเปิดประตูต้อนรับแขกที่มาเยือนได้อย่างสบายใจ ไร้ปัญหาคราบสนิมที่น่าขยะแขยงให้ต้องอายใครอีกแล้ว

1. เตรียมความพร้อมก่อนลงมือ

          ไม่ว่าจะลงมือทำความสะอาดอะไรก็แล้วแต่จะต้องมีการตระเตรียมความพร้อมกันก่อน โดยเฉพาะการกำจัดสนิมในห้องน้ำนี่แหละที่ต้องเตรียมพื้นที่ให้ดีเลย โดยจัดเก็บสิ่งของรอบข้างที่มีอยู่ในห้องน้ำออกให้หมด หรือหาถุงมาครอบไว้แทน แล้วจัดการปลดล็อกกลอนประตูและหน้าต่างเปิดให้อากาศถ่ายเทให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็เปลี่ยนมาเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง ด้วยการสวมถุงมือ ใส่เสื้อคลุมหรือผ้ากันเปื้อน และสวมรองเท้าหนา ๆ เพื่อไม่ให้สารกัดกร่อนกระเด็นมาโดนสิ่งของและตัวเราได้

2. ทาน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูลงบนคราบสนิม

          ในเมื่อสนิมมีฤทธิ์เป็นด่างก็ต้องถูกล้างด้วยกรดเปรี้ยว ๆ ของน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูนี่แหละ ใช้ฟองน้ำหรือผ้าหนา ๆ ชุบแล้วเช็ดไปที่คราบและทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นก็ค่อยเช็ดออก แต่ถ้าคราบสนิมไม่ยอมออกง่าย ๆ ก็ให้ทำซ้ำอีกสัก 2 รอบ จนคราบสนิมหลุดออกไป

3. เบกกิ้งโซดาหรือบอแรกซ์ ผสมเป็นสครับขัดคราบ

          หากกรดของน้ำมะนาวอย่างเดียวไม่สามารถช่วยให้ห้องน้ำรอดพ้นจากสนิมได้ เราก็ต้องเพิ่มฟังก์ชั่นการขัดด้วยแท็กเจอร์ที่ขรุขระของเบกกิ้งโซดาหรือบอแรกซ์มาใช้ โดยนำส่วนผสมอย่างใดอย่างหนึ่งไปผสมกับน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู แล้วคนให้มีลักษณะเป็นเนื้อสครับเข้มข้น เพื่อทาทับไปที่บริเวณคราบสนิมแล้วทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง จากนั้นค่อยกลับมาขัดและล้างออกให้เกลี้ยงก็เป็นอันเสร็จ เช่นเดียวกันถ้าสนิมยังดื้อรั้นเกาะห้องน้ำเราไว้แน่นก็ให้ทำซ้ำจนกว่าจะออก

4. น้ำยากัดสนิมแบบเคมี ไม้ตายสุดท้ายที่ได้ผลดี

          เมื่อเดินมาจนสุดทางของการกำจัดสนิมแล้วมันยังไม่ได้ผล เราก็คงต้องงัดไม้เด็ดออกมาสู้แล้วล่ะ นั่นก็คือ กัดสนิมด้วยน้ำยาเคมี แต่ก่อนที่จะใช้เราก็ต้องจัดการตระเตรียมให้พร้อมเสียก่อน โดยระวังทั้งเด็กและสัตว์เลี้ยงไม่ให้เข้าใกล้บริเวณห้องน้ำ ที่สำคัญต้องอ่านฉลากก่อนนำไปใช้หากมีข้อแม้อื่น ๆ เราจะได้ระวังอย่างถูกวิธี เริ่มแรกต้องราดน้ำยาลงบนคราบและปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง กรดไฮโดรคลอริกในน้ำยาเคมีจะเข้าไปกัดกร่อนคราบสนิม หลังจากนั้นใช้แปรงขัดและล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือถ้าหาน้ำยากัดสนิมไม่ได้จริง ๆ แนะนำให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำและชักโครงล้างสนิมแทนก็จะได้ผลเหมือนกันค่ะ

ลิฟต์ตก-ลิฟต์ค้าง ทำไง รู้วิธีรับมืออันตรายเมื่อติดอยู่ในลิฟต์

ลิฟต์ตก-ลิฟต์ค้าง ทำไง รู้วิธีรับมืออันตรายเมื่อติดอยู่ในลิฟต์




ติดลิฟต์ต้องทำตัวอย่างไรถึงจะปลอดภัย หากอยู่ ๆ เจอสถานการณ์ลิฟต์ค้าง หรือลิฟต์ตก คำแนะนำพร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นต่อไปนี้จะช่วยให้ชีวิตรอดได้

          เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ ๆ ก็จะพบอาคารสูง ๆ ตั้งเรียงรายเต็มไปหมด คนยุคนี้เลยต้องหันมาใช้ลิฟต์กันมากขึ้น และในบางครั้งก็อาจประสบเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นจากลิฟต์ได้ ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์ค้าง ประตูลิฟต์หนีบ หรือลิฟต์ตก แม้เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้อยู่เหมือนกัน ทาง นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จึงได้ให้คำแนะนำข้อควรทำหากเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น พร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่จะช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้

กรณีเกิดลิฟต์ค้าง

สิ่งที่ต้องทำเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินมีดังนี้

           ตั้งสติ และอย่าพยายามงัดประตูลิฟต์โดยพลการเด็ดขาด

           หากลิฟต์ค้างมักไม่ค่อยมีอันตราย เนื่องจากลิฟต์มีพัดลมที่สามารถระบายอากาศได้เพียงพอ

           แต่หากไฟฟ้าดับและพัดลมระบายอากาศหยุดทำงาน คนที่ติดอยู่ในลิฟต์ส่วนใหญ่ มักจะประสบกับภาวะการคั่งของคาร์บอนไดออกไซต์ คือจะมีอาการมึนงง สับสน ปากเริ่มมีสีคล้ำ ให้รีบคลายเสื้อของผู้ป่วยให้หลวม ไม่ควรจับนอนหรือนั่ง แต่ควรประคองให้ยืนไว้ เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หนักกว่าอากาศ บริเวณพื้นจึงมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาก

           เมื่อนำผู้ป่วยออกมาได้แล้ว ให้รีบพาไปอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก อย่ามุง หรือหากมีออกซิเจนให้รีบให้ในทันที

           โทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ แต่หากหัวใจหยุดเต้นควรรีบช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) โดยเร็ว

          นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ คือ ความเครียดจากการกลัวที่แคบ (Agoraphobia) ทำให้หายใจเร็ว ซึ่งจะทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดถูกขับออกมากับลมหายใจมาก ส่งผลให้เลือดมีความเป็นกรดลดลงจึงเกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อคล้ายตะคริวหรือที่เรียกว่าอาการมือจีบ

          วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือให้นำถุงพลาสติก หรือถุงกระดาษ เจาะรูเล็ก ๆ มาครอบปากและจมูก ให้ผู้ป่วยหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์ที่หายใจออกมามากให้ย้อนกลับเข้าไป โดยต้องเปิดให้หายใจในอากาศปกติเป็นระยะ และที่สำคัญคือต้องทำให้ผู้ป่วยผ่อนคลายด้วย แต่อย่างไรก็ตามหากมีอาการบ่อย ๆ ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อรักษาจากสาเหตุที่แท้จริง

ภาพจาก สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ  




กรณีเกิดลิฟต์ตก

          สำหรับเหตุการณ์นี้ สมาคมลิฟต์แห่งประเทศไทยระบุว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก เนื่องจากลิฟต์รุ่นใหม่ ๆ จะมีระบบล็อก แต่หากเกิดขึ้นให้ผู้ประสบเหตุทำดังนี้

            กดปุ่มให้ลิฟต์จอดทุกชั้น เพราะเมื่อไฟฟ้าสำรองทำงานจะหยุดลิฟต์จากการร่วงลงมา

           หาที่จับให้แน่น พิงหลังและศีรษะเข้ากับผนังให้เป็นเส้นตรง เพื่อช่วยป้องกันหลังและกระดูก และควรงอเข่า

สิ่งสำคัญคือควรปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันอันตราย เช่น

           ไม่ขึ้นลิฟต์เกินจำนวนคนที่ระบุไว้

           อย่าพิงประตูลิฟต์ขณะยืนรอ เพราะประตูลิฟต์ไม่ได้แข็งแรงและไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักคน การพิงอาจทำให้ประตูพังได้ หรือประตูลิฟต์อาจหนีบคนได้หากระบบเซ็นเซอร์เสีย

           หากเกิดไฟไหม้ ห้ามใช้ลิฟต์เด็ดขาด เพราะอาจสำลักควันในปล่องลิฟต์ หรือลิฟต์ไปเปิดในชั้นที่ไฟกำลังไหม้ทำให้คนในลิฟต์เสียชีวิตทันทีได้

5 ภัยเสี่ยงควรระวังวันลอยกระทง รู้ไว้ก่อนเกิดเรื่อง

 5 ภัยเสี่ยงควรระวังวันลอยกระทง รู้ไว้ก่อนเกิดเรื่อง





วันลอยกระทง ทุกปีกลับมีข่าวน่าเศร้าจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มาเรียนรู้วิธีรับมือกับอุบัติเหตุ และวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อลดความสูญเสียในช่วงเทศกาล

          เทศกาลลอยกระทง อีกหนึ่งเทศกาลของไทยที่เต็มไปด้วยความรื่นเริง และการเฉลิมฉลอง แต่ก็ต้องยอมรับว่า วันลอยกระทงเป็นอีกวันหนึ่งที่มีการเกิดอุบัติเหตุขึ้นสูงเมื่อเทียบกับวันธรรมดา เนื่องจากผู้คนมากมายต่างออกมาลอยกระทง และเลี้ยงสังสรรค์กัน แม้ว่าจะมีมาตรการออกมาเพื่อป้องกันการอุบัติเหตุเหล่านี้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถลดการเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะหลาย ๆ คนหลงลืมที่จะใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง

          วันนี้กระปุกดอทคอมเลยจะพาทุกคนไปรับทราบถึงภัยเสี่ยงที่อาจเกิดได้ในช่วงเทศกาลลอยกระทง พร้อมวิธีป้องกัน และวิธีปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ แม้ว่าอุบัติเหตุจะไม่เกิดขึ้นกับเรา แต่ถ้าหากรู้วิธีเหล่านี้ไว้ ก็ทำให้เราสามารถช่วยผู้ประสบเหตุได้ทันท่วงที ลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ 

 อุบัติเหตุทางจราจร

          แม้ว่าเทศกาลลอยกระทงจะไม่ใช่เทศกาลที่มีวันหยุดยาว แต่อุบัติเหตุทางจราจรก็มักเกิดขึ้นได้บ่อยเช่นกัน เพราะจะมีคนจำนวนมากออกมาลอยกระทงและเที่ยวตามงานที่จัดในสถานที่ต่าง ๆ ทำให้มีพาหนะบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้บางคนอาจถือโอกาสเลี้ยงสังสรรค์และดื่มของมึนเมาอีกด้วย ทำให้โอกาสในการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติ จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่และคอยดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด

 วิธีปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน

          ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน หากเกิดการเฉี่ยวชนระหว่างรถยนต์ด้วยกันเอง ผู้ขับขี่ไม่ควรใช้อารมณ์และควรโทรศัพท์เรียกบริษัทประกันภัยมาจัดการเรื่องเองจะดีกว่า เพราะการจัดการกันเองโดยไม่มีคนกลาง อาจจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท หรือถ้าในบริเวณดังกล่าวมีตำรวจจราจรอยู่ด้วย ควรแจ้งเรื่องให้กับเจ้าหน้าที่ทราบค่ะ

          แต่ถ้าหากเป็นกรณีที่เฉี่ยวชนกันจนมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ผู้เห็นเหตุการณ์ไม่ควรเข้าไปเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บด้วยตัวเอง ควรโทรศัพท์เรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน หรือกู้ภัยมาทำการช่วยเหลือ เนื่องจากการเข้าไปเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยไม่มีความรู้ด้านการปฐมพยาบาลอาจจะทำให้ผู้บาดเจ็บอาการรุนแรงกว่าเดิม แต่ถ้ามีบาดแผลเลือดออกให้นำผ้าสะอาดปิดที่แผลให้แน่นเพื่อเป็นการห้ามเลือดจนกว่าทีมช่วยเหลือจะมาถึง



อุบัติเหตุจากโคมลอย

          นอกจากการลอยกระทงแล้ว ปัจจุบันนี้ในเทศกาลลอยกระทงยังนิยมลอยโคมลอยอีกด้วยเนื่องจากมีความเชื่อว่าจะช่วยลอยทุกข์โศกออกไปจากชีวิต และถึงแม้จะเป็นประเพณีของทางภาคเหนือที่มีมาตั้งแต่โบราณ แต่ก็ถือเป็นประเพณีที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อาทิ เหตุเพลิงไหม้ได้ เพราะเมื่อโคมลอยนั้นไปตกบนหลังคาบ้าน ก็อาจจะทำให้เกิดการไหม้ หรือหากไปติดกับสายไฟฟ้า ก็อาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร นอกจากนี้การลอยโคมลอยก็ยังไปขัดขวางการจราจรทางอากาศ เป็นอันตรายต่อเครื่องบิน ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยคือ หลีกเลี่ยงการลอยโคมลอยในพื้นที่ชุมชน หรือถ้าไม่สามารถทำได้ ก็ควรหลีกเลี่ยงไปเลยจะดีที่สุดเพื่อความปลอดภัย

คำอธิบาย: http://hilight.kapook.com/img_cms2/icon_2015/9kdm4.gif อุบัติเหตุจากประทัด พลุ และดอกไม้ไฟ
         
          วันลอยกระทง เป็นอีกหนึ่งวันที่มีการเล่นประทัด พลุ และดอกไม้ไฟกันเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะมีการออกกฎหมายห้ามแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงพบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการเล่นประทัด และดอกไม้ไฟอยู่ทุกปี โดยเฉพาะเด็กวัย 10-14 ปี ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันก็คือผู้ปกครองควรอธิบายถึงอันตรายจากประทัดและดอกไม้ไฟต่าง ๆ และควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณที่มีการเล่นดอกไม้ไฟ ซึ่งระยะที่ปลอดภัยที่ดีที่สุดคือ 10 เมตรขึ้นไป

 วิธีปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บจากประทัด พลุ และดอกไม้ไฟ

          เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากประทัด หรือดอกไม้ไฟขึ้น ทางที่ดีที่สุดควรเรียกหน่วยกู้ภัย หรือหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เพราะอุบัติเหตุจากประทัดและดอกไม้ไฟนั้นเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรง โดยถ้าหากเกิดบาดแผลจากความร้อนควรชุบน้ำประคบบริเวณบาดแผล หรือให้น้ำไหลผ่านเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด แล้วนำผ้าสะอาดมาปิดบริเวณแผลไว้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ที่สำคัญห้ามนำน้ำมัน โลชั่น ยาสีฟัน หรือยาปฏิชีวนะทาบนแผลเด็ดขาด นอกจากนี้ยังควรถอดเครื่องประดับออกเพราะหากปล่อยไว้มือหรือนิ้วมืออาจจะบวมจนถอดเครื่องประดับยาก และถ้าหากมีบาดแผลฉีกขาดควรรีบห้ามเลือดด้วยการนำผ้าสะอาดกดบริเวณบาดแผล

          อีกอาการบาดเจ็บหนึ่งที่มักจะพบเมื่อเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวก็คืออวัยวะฉีกขาด เบื้องต้นควรรีบเก็บอวัยวะที่ขาดไปล้างน้ำสะอาด ใส่ถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้แน่นแล้วนำไปแช่น้ำแข็ง โดยหากเป็นอวัยวะที่มีกล้ามเนื้อมาก ๆ จะต้องได้รับการผ่าตัดต่อเส้นเลือดภายใน 6 ชั่วโมง แค่ถ้าหากเป็นบริเวณที่ไม่มีกล้ามเนื้ออย่างนิ้วมือสามารถเก็บไว้ได้ 12-18 ชั่วโมง หากบาดเจ็บที่ตาด้วยก็ควรรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากอย่างทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้อาการทวีความรุนแรงขึ้น



 อุบัติเหตุทางน้ำ

          อุบัติเหตุทางน้ำที่พบได้บ่อยที่สุดคือการตกน้ำและจมน้ำ เนื่องจากต้องไปเบียดเสียดกันที่บริเวณท่าน้ำเพื่อลอยกระทง ทำให้อาจเกิดการจมน้ำได้ ฉะนั้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ ควรยืนให้ห่างจากน้ำเล็กน้อย และควรสังเกตถึงสภาพบริเวณท่าน้ำให้ดีก่อน หากอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมควรหลีกเลี่ยง ทั้งนี้หากผู้ปกครองนำเด็กไปด้วยควรให้เด็กยืนอยู่บนฝั่งที่ปลอดภัยจะดีที่สุด

 วิธีปฐมพยาบาลผู้ประสบเหตุทางน้ำ

          ในกรณีที่พบผู้ตกน้ำหรือกำลังจะจมน้ำ ก่อนทำการช่วยเหลือควรคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญ และถ้าหากไม่มีความรู้เรื่องการช่วยเหลือคนจมน้ำ ก็ไม่ควรลงไปช่วยด้วยตัวเอง โดยในเบื้องต้นควรหาอุปกรณ์ที่สามารถให้ผู้จมน้ำยึดจับได้ก่อน เช่น เสื้อผ้า เข็มขัด ท่อนไม้ ห่วง หรือไม้ตะขอ หรือโยนอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ให้เกาะ อาทิ ถังพลาสติก ห่วงชูชีพ เป็นต้น แต่ถ้าหากต้องกระโดดลงไปช่วยควรระมัดระวังให้มากเพราะผู้ที่จมน้ำอาจจะตกใจจนทำให้ผู้เข้าไปช่วยเหลือเป็นอันตราย

          ทั้งนี้หากช่วยเหลือผู้ที่จมน้ำขึ้นมาแล้ว หากผู้ประสบอุบัติเหตุสามารถหายใจเองได้ ควรจับผู้ป่วยตะแคงข้างให้ศีรษะหงายไปข้างหลังเพื่อให้น้ำไหลออกจากปาก และหาผ้าห่มแห้ง ๆ คลุมเพื่อให้ความอบอุ่น แต่ถ้าหากผู้ป่วยไม่ได้สติ ควรทำการปฐมพยาบาลด้วยวิธี CPR ทั้งนี้ผู้ปฐมพยาบาลควรมีความรู้ เพราะหากทำโดยไม่มีความรู้อาจจะทำให้ยิ่งเกิดอันตรายได้




 อุบัติเหตุพลัดหลง

          การพลัดหลงระหว่างเด็กและผู้ปกครองเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในช่วงเทศกาลลอยกระทงเนื่องจากมีคนออกมาลอยกระทงเป็นจำนวนมาก ผู้ปกครองจึงควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา และไม่ควรจะปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพัง และควรสอนให้บุตรหลานทราบด้วยว่าหากเกิดพลัดหลงกับผู้ปกครองควรไปรอที่จุดใด หรือควรไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังควรเขียนชื่อ ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ เก็บเอาไว้ในกระเป๋าของบุตรเพื่อความสะดวกในการช่วยเหลือ

อย่าเลียนแบบละครเด็ดขาด ! ฉากป่วยไข้สูงเอาแช่น้ำเย็นจัด ชี้คนไข้ช็อกได้

อย่าเลียนแบบละครเด็ดขาด ! ฉากป่วยไข้สูงเอาแช่น้ำเย็นจัด ชี้คนไข้ช็อกได้




จ่าพิชิต ออกโรงเตือน อย่าเลียนแบบละครเด็ดขาด ฉากป่วยไข้สูงเอาแช่น้ำเย็นจัด ชี้คนไข้ช็อกได้ พร้อมแนะวิธีที่ถูกต้อง ด้านชาวเน็ตวิงวอนคนเขียนบท ขอสอดแทรกเรื่องเกี่ยวกับการแพทย์ให้ถูกต้องหน่อย หวั่นผู้ชมเชื่อและทำตาม

          เป็นประเด็นที่แพทย์มักจะออกมาชี้แจงและบอกข้อเท็จจริงที่ถูกต้องอยู่บ่อย ๆ สำหรับกรณีที่ละครมีฉากที่แพทย์ต้องรักษาคนไข้ ซึ่งน้อยเรื่องนักที่จะสมจริงหรือถูกต้องตามหลักการแพทย์  ทั้งนี้ที่ต้องออกมาชี้แจงนั้นก็เป็นเพราะว่า บางทีคุณผู้ชมอาจจะเชื่อและนำไปปฏิบัติตาม อาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรืออาการหนักขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

          เฉกเช่นละครเรื่องหนึ่ง ที่เพิ่งฉายเมื่อค่ำวานนี้ (24 พฤศจิกายน 2558) มีฉากที่ผู้ป่วยเป็นไข้สูง แล้วนำตัวไปแช่น้ำเย็น เดี๋ยวไข้จะลด ซึ่งเรื่องนี้ เพจ Drama-addict  บอกว่า อย่าทำตามเด็ดขาด !! อันตรายมาก ๆ เพราะอาจจะทำให้ผู้ป่วยชักได้ พร้อมแนะวิธีที่ถูกต้อง ด้วยการพาคนไข้ตัวร้อนไปเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นหรืออาบน้ำด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำอุ่นนิด ๆ ก็ได้ ดังข้อความต่อไปนี้..

8 กิจกรรมต้องทำให้ครบ เมื่อไปเที่ยวดอยอ่างขาง

8 กิจกรรมต้องทำให้ครบ เมื่อไปเที่ยวดอยอ่างขาง




ลมหนาวมารอบนี้ใครคิดที่จะวางแผนไปเที่ยว "ดอยอ่างขาง" บ้าง ? เรารับประกันว่าการขึ้นเหนือเที่ยวดอยอ่างขางรอบนี้ของเพื่อน ๆ จะไม่เสียเปล่า เพราะเราได้คัดเลือกเอาไฮไลท์เด็ด ๆ กิจกรรมโดน ๆ ที่เพื่อน ๆ จะต้องทำเมื่อไปที่ดอยอ่างขาง เอาแบบไม่ให้พลาดทุกเม็ดเลยทีเดียว ชักเริ่มสนใจกันแล้วใช่ไหม ? อย่ามัวแต่กลัวลมหนาวกันอยู่ รีบตามเราไปเช็กลิสต์ไฮไลท์เด็ดโดน ๆ กัน

 1. ชมดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง

          ดอยอ่างขาง เป็นแหล่งชมดอกนางพญาเสือโคร่งอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ความสวยงามของดอกไม้ชนิดนี้อยู่ที่สีสันของเจ้าตัวที่ดันคล้ายกับดอกซากุระของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาว (ซึ่งแต่ละปีจะบานไม่ตรงกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แต่ส่วนใหญ่จะบานในช่วงปลายเดือนธันวาคม แต่ถ้าไม่อยากผิดหวังทางที่ดีลองโทรศัพท์ไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่จะดีที่สุด) เราจะเห็นดอกนางพญาเสือโคร่งแข่งกันบานสะพรั่งทั่วบริเวณบนดอยอ่างขาง และเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาบนดอยอันห่างไกลนี้เป็นจำนวนมาก ครั้นเมื่อลมพัดหนึ่งหน ดอกพญาเสือโคร่งจะสั่นไหวเป็นระลอกคลื่นตามแรงลม บางกลีบที่ไม่อาจต้านทานความแรงของลมก็ร่วงหล่นพื้น คงไว้แต่กลีบที่แข็งแรง รอให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ชื่นชมต่อไป นอกจากนี้บนดอยอ่างขางยังมีต้นซากุระแท้ ๆ จากญี่ปุ่นปลูกไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมและถ่ายรูปอยู่ภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางอีกด้วย

 2. ชมไร่ชา 2000

          สำหรับไร่ชา 2000 บนดอยอ่างขาง ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีความน่าสนใจ ที่นี่คุณจะมองเห็นไร่ชาสีเขียวสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะหันซ้ายหรือหันขวาก็เห็นแต่ต้นใบชาเรียงตัวเป็นแนวสวยงาม ลดหลั่นกันไปตามเนินเขา นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติของไร่ชาได้ที่บริเวณจุดชมวิวตามจุดต่าง ๆ แถมยังมีมุมสวย ๆ หลายมุมให้ได้เลือกถ่ายรูป ไร่ชา 2000 จึงเป็นมากกว่าไร่ชาธรรมดา ตรงที่ทัศนียภาพโดยรอบชวนให้นักท่องเที่ยวเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศของริ้วลายแปลงชาไล่ระดับ และน่าจะเป็นที่ถูกใจสำหรับคนที่ชอบดื่มชา หรือชอบที่จะมาสัมผัสอากาศเย็น ๆ บนดอยอ่างขาง เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดชิล รับรองว่าคุณจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

 3. ท่องไร่สตรอว์เบอร์รี

          ใครที่ชอบทานสตรอว์เบอร์รี แต่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้ไปเจอไร่สตรอว์เบอร์รีเลย และอยากที่จะเห็นสักครั้ง ขอบอกว่าถ้ามาดูไร่สตรอว์เบอร์รีที่ดอยอ่างขาง (อยู่ในเส้นทางไปบ้านนอแล) แล้วจะไม่ผิดหวัง นักท่องเที่ยวจะประทับใจกับวิวสวย ๆ ของไร่สตรอว์เบอร์รีแบบแนวขั้นบันได ที่มีทิวเขาเป็นฉากหลังอยู่ไกล ๆ ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็จะเจอกับสตรอว์เบอร์รีลูกสีแดงสดตามแปลง ที่สีสันของมันช่างล่อตาล่อใจอยากให้เราเด็ดแล้วกัดเข้าปากเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าเรามาเช้าหน่อย เราก็จะทันเห็นชาวบ้านเข้ามาเก็บสตรอว์เบอร์รีกันแบบสด ๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลั่นชัตเตอร์ได้จนหนำใจ ใครแวะมาดอยอ่างขาง อย่าลืมมาชมความงามของไร่สตรอว์เบอร์รีกันด้วยนะ

 4. สวนดอกไม้อ่างขาง

          ใครที่ชอบดอกไม้เมืองหนาว มาที่ดอยอ่างขางคุณจะไม่ผิดหวัง เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมและเพาะพันธุ์ดอกไม้เมืองหนาวต่าง ๆ มากมาย ประกอบด้วย "โรงเรือนรวบรวมพรรณไม้" ที่รวบรวมพรรณไม้ดอกและไม้ใบที่ออกดอกหมุนเวียนตลอดปี ภายในโรงเรือนยังมีการปรับภูมิทัศน์ มีการสร้างน้ำตกและมีเก้าอี้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนชื่นชมความงามของดอกไม้ "ลานดอกไม้กลางแจ้ง" เป็นแปลงปลูกดอกไม้เมืองหนาวขนาดใหญ่ หากนักท่องเที่ยวไปในช่วงปลายเดือนมกราคมจนถึงกุมภาพันธ์ก็จะเห็นดอกฝิ่นประดับบานสะพรั่งทั่วทั้งแปลง "สวนแปดสิบ" สวนดอกไม้เมืองหนาวตั้งอยู่ใจกลางสถานีเกษตร มีพรรณไม้ดอกเมืองหนาวปลูกลงแปลงไว้มากกว่า 60 ชนิด และถ้าจะให้ดีต้องมาในช่วงหน้าหนาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้ทั้งหมดจะบานโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งหมดเอาใจสำหรับคนที่รักในความงามของดอกไม้ ให้ได้มาสัมผัสกับความงามกันอย่างเต็มอิ่ม

 5. จุดวิวพระอาทิตย์ขึ้น-ตกดิน

          มาถึงที่ดอยอ่างขางทั้งทีจะพลาดชมความสวยงามบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างไร ดอยอ่างขางมีจุดชมวิวเด็ด ๆ อยู่หลายจุดด้วยกัน เช่น "จุดชมวิวกิ่วลม" เป็นลานที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน รวมถึงทะเลหมอกที่สวยงาม ท่ามกลางทิวเขารอบด้าน และถ้าในวันที่อากาศดีท้องฟ้าเปิด นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางทางด้านล่างอีกด้วย "จุดชมวิวขอบด้ง" หนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ยามเช้านักท่องเที่ยวจะเห็นพระอาทิตย์ที่เปล่งแสงสว่าง เคลื่อนตัวผ่านทะเลหมอก เป็นจุดชมวิวที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย และ "จุดชมวิวม่อนสน" ที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวที่อยากใกล้ชิดกับธรรมชาติ และยังเป็นลานกลางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์ที่คุณต้องไม่พลาดเมื่อมาที่ดอยอ่างขาง

 6. สำรวจเส้นทางเดินป่า
          ใครที่ชอบผจญภัย ที่ดอยอ่างขางมีเส้นทางสำรวจธรรมชาติของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เพื่อขึ้นไปยังจุดสูงสุดของดอยอ่างขางที่สูงเกือบสองพันเมตรจากระดับน้ำทะเล ตลอดเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงามของกุหลาบพันปีที่ขึ้นอยู่ตามรายทางอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีจุดชมนกอยู่หลายจุด และมีกิจกรรมการขี่ล่อ (ฬ่อ) หรือใครที่ชอบขี่จักรยานที่นี่ก็มีเส้นทางจักรยานเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ปั่นชมความสวยงามของธรรมชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวคนไหนที่สนใจเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้ข้อมูลได้ทุกเมื่อ

 7. ยลเสน่ห์ชนเผ่า

          ภายในดอยอ่างขางมีหมู่บ้านชาวไทยภูเขาหลายหมู่บ้านที่เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ถ้านักท่องเที่ยวคนไหนอยากจิบชาท่ามกลางวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชนเผ่ามูเซอดำและมูเซอแดง ให้ไปที่ "หมู่บ้านขอบด้ง" ซึ่งไม่เพียงแค่มีสีสันชีวิตวัฒนธรรมให้ชมเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าการเกษตรและของที่ระลึกฝีมือชาวบ้านให้เลือกซื้ออีกด้วย อีกหมู่บ้านที่น่าสนใจก็คือ "บ้านนอแล" หมู่บ้านนี้มีสีสันชีวิตวัฒนธรรมของชนเผ่า "ปะหล่อง" หรือ "ดาราอั้ง" อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังสามารถเที่ยวชมความสวยงามของทิวทัศน์บริเวณชายแดนไทย-พม่า พร้อมกับเสียงคำบรรยายตัวน้อย ๆ เสียงใสของไกด์ท้องถิ่น ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวความงดงามของหมู่บ้านแห่งนี้ให้เราได้ฟัง

 8. ชิมเมนูเด็ดที่โครงการหลวง


          ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อขึ้นมาบนดอยแล้วเราจะไม่มีอาหารอร่อย ๆ ทาน เพราะที่นี่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางการเกษตร "สโมสรอ่างขาง" ห้องอาหารที่เปิดรอต้อนรับนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ อาหารของที่นี่อร่อยไม่เหมือนใคร เพราะเลือกใช้ผลิตผลทางการเกษตรภายในสถานี พร้อมกับเพิ่มเติมอาหารชนเผ่าของชาวไทยภูเขาในละแวกใกล้เคียงเข้าไป ใครนึกอยากชิมอาหารชนเผ่าแท้ ๆ รับรองไม่ผิดหวัง เมนูจานเด็ด ได้แก่ "น้ำพริกปลารักฉ่อง" นำเนื้อปลาแห้งมาตำให้ละเอียดและคั่ว ใส่ผลพริกลงไป กินกับผักสด ๆ รสชาติอร่อยอย่าบอกใคร "สลัดผักยูนนาน" นำผักกาดหวาน หอมหัวใหญ่ มาคลุกเคล้ากับน้ำสลัดแบบญี่ปุ่น และโรยหน้าด้วยหมี่กรอบ ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง "อะโวคาโดในน้ำกะทิ" งานนี้อร่อยเหาะอย่าบอกใครเลยทีเดียว